เมนูนำทาง
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2563 เบื้องหลังเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการพิเศษของพรรคเพื่อไทยได้จัดเตรียมผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไว้แล้ว 25 คน และได้ทำการจัดหมวดหมู่ แบ่งลักษณะพฤติกรรม และการกระทำที่นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจของรัฐมนตรีไว้แล้ว[3] ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563 ภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ก็ได้เปิดเผยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านตกลงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 29 มกราคม โดยจะยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกอย่างน้อย 7 คน โดยได้มอบหมายให้พรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรคไปสรุปให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง[4] แต่เมื่อถึงกำหนด พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เลื่อนเวลายื่นญัตติไปอีก 2 วัน คือวันที่ 31 มกราคม เพื่อเตรียมข้อมูลสำคัญในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านได้หารือร่วมกันอีกครั้งในการกำหนดประเด็นเพิ่มและบุคคลที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ[5] ในที่สุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 5 พรรค ก็ได้ยื่นญัตติขออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 6 คน (จากพรรคพลังประชารัฐ 4 คน และอิสระอีก 2 คน) ประกอบด้วย[1]
รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายลำดับที่ | ชื่อ / ตำแหน่ง | ประเด็นการอภิปราย[1] |
---|---|---|
1 | พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม |
|
2 | พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี |
|
3 | วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี |
|
4 | พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย |
|
5 | ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ |
|
6 | ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ |
|
5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน และตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนดวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกวันที่ 18–21 กุมภาพันธ์ แล้วลงมติในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ช่วงหลังวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์ และลงมติในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก่อนปิดสมัยประชุมสามัญประจำปี[2] ซึ่งรัฐบาลได้เลือกช่วงหลัง และฝ่ายค้านขอเวลาในการอภิปรายมาได้ 55 ชั่วโมง โดยวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จะเริ่มการอภิปรายในเวลา 13:30 น. เนื่องจากต้องมีการประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน และจะประชุมไปจนถึง 24:00 น. ส่วนวันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์ จะประชุมตั้งแต่เวลา 09:00 น. - 24:00 น. ซึ่งหากอภิปรายไม่เสร็จก็จะประชุมต่อในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ จากนั้นจะลงมติในวันที่ 28 กุมภาพันธ์[6]
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่านจากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแบ่งหน้าที่ของฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ได้มีการวางตัวผู้อภิปรายและแบ่งหน้าที่รับผิดชอบไว้บ้างแล้ว โดยจะให้สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ปิดการอภิปราย และสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นผู้กล่าวปิดการอภิปราย โดยใช้เวลาตามความเหมาะสม
21 กุมภาพันธ์ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถือเป็นการวินิจฉัยก่อนการอภิปรายเพียง 3 วัน
24 กุมภาพันธ์ วิปฝ่ายค้านมีการปรับลดเวลาในการอภิปรายลงเหลือ 54 ชั่วโมง และระบุว่าต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 21:00 น. ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ก่อนที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติไม่ไว้วางใจในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลา 09:30 น.[7]
17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในเบื้องต้น วิปฝ่ายค้านได้จัดเตรียมผู้อภิปรายไว้แล้วประมาณ 30 คน และทุกคนจะเน้นการอภิปรายไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีทั้งหมด จะมีเพียงบางส่วนที่จะอภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 5 คนด้วย ซึ่งจะจัดเป็นคู่ ๆ ไป ทั้งนี้เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ผู้อภิปรายของพรรคอนาคตใหม่จะหายไปเพียง 3 คนเท่านั้นคือ ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช และเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี โดยวิปฝ่ายค้านก็ได้เตรียมผู้อภิปรายสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว[8]
24 กุมภาพันธ์ วิปฝ่ายค้านได้เปิดเผยสัดส่วนการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคต่าง ๆ ออกมาอย่างเป็นทางการดังนี้ พรรคเพื่อไทย 18 คน, อดีตพรรคอนาคตใหม่ 16 คน, พรรคเสรีรวมไทย 3 คน, พรรคประชาชาติ 2 คน, พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย พรรคละ 1 คน รวม 42 คน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นเป้าหมายแรกของการเปิดฉากอภิปราย โดยฝ่ายค้านระบุว่าจะใช้เวลา 2 วันเต็ม ๆ ในการอภิปรายนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีผู้ลงชื่ออภิปราย พล.อ.ประยุทธ์แบบเจาะจงไว้ถึง 21 คน
ขณะที่วิปรัฐบาลก็ได้เตรียมทีม "องครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี" ไว้ด้วยเช่นกัน โดยมีจำนวน 30 คน เนื่องจากในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ได้บรรยายข้อกล่าวหาเอาไว้มากที่สุดถึง 28 บรรทัด รวม 35 ข้อกล่าวหา[7]
เมนูนำทาง
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2563 เบื้องหลังใกล้เคียง
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย มีนาคม พ.ศ. 2554 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย สิงหาคม–กันยายน พ.ศ. 2564 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2565 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2552 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2553 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2563 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2555 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2564แหล่งที่มา
WikiPedia: การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ. 2563 http://voicetv.co.th/read/GgA5Pqsqo https://thestandard.co/distrust-debate-31jan63/ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864451 https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/867694 https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/867699 https://www.bbc.com/thai/thailand-51609540 https://www.facebook.com/WorkpointNews/photos/a.15... https://mgronline.com/politics/detail/963000001866... https://www.naewna.com/politic/475204 https://www.posttoday.com/politic/news/612260